- เคล็ดลับที่ 1 ต้องมีการบริหารต้นทุนของ วัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อให้มีความเหมาะสม ซึ่งถือว่าข้อนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของต้นทุนที่มีหัวใจสำคัญอย่างมากและมีผลต่อการขาดทุน ทุกคนก่อนทำการเปิดร้านกาแฟจะต้องมีการบริหารต้นทุนวัตถุดิบที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้ลดลงแต่ยังทรงปริมาณที่เท่าเดิม เพื่อให้ทางร้านมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง และได้รับผลกำไรที่มากขึ้น เพื่อเป็นการลดปัญหาสภาวะทางการเงินที่จมไปกับคำว่า “วัตถุดิบ” ภายในร้าน ให้คุณพยามเก็บเงินทุนให้มากพอ เพื่อนำไปซื้อเมล็ดกาแฟแบบล็อตใหญ่นั้นเอง เพราะว่าการซื้อในรูปแบบนี้มันจะคุ้มค่ามากที่สุด ให้คุณพยามซื้อวัตถุดิบให้น้อยครั้งที่สุด โดยการสั่งมาตุนไว้ให้เยอะที่สุด แต่ !! อย่าลืมไปนะคะว่านี้เป็นแค่ต้นทุน เมล็ดกาแฟเพียงแค่ตัวเดียว
- เคล็ดลับที่ 2 ให้คุณทำความรู้ใจของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าขาประจำ หรือ ขาจรก็ตาม ถ้าเราสามารถจดจำบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ได้ว่า ลูกค้าคนไหนชื่นชอบการดื่มรสชาติแบบใด เมนูเดียวกัน แค่ลูกค้าสั่งว่าเหมือนเดิม คุณก็สามารถชงได้ในทันที และคุณยังสามารถแนะนำเมนูกาแฟได้ง่าย ๆ โดยถามความชื่นชอบว่ากับลูกค้าว่า ลูกค้าชื่นชอบรสชาติแบบไหน ทางเราจะช่วยเลือกรสชาติที่ดีและเหมาะกับลูกค้าได้ ซึ่งหัวข้อนี้ก็เป็นประโยชน์อย่างมากเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลมาจากการสะสมความรู้ และความชื่นชอบของลูกค้าแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี
- เคล็ดลับที่ 3 ทางร้านต้องมีการตกแต่งร้านแบบพอเพียง ไม่เว่อจนเกินไป เพราะการตกตแต่งร้านกาแฟสำหรับมือใหม่นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมาก ให้เน้นไปในเรื่องของความเรียบง่ายดุดีแบบมีชีวิตชีวา ไม่จำเป็นที่จะต้องตกแต่งร้านใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีราคาแพง หรือตกแต่งดูแบบรกตามากจนเกินไป ซึ่งปัญหาหลักๆ เลยของคนที่ต้องการเปิดร้านกาฟ นั่นก็คือ ต้องการโชว์ร้านให้ดูสวยงาม ทุกอย่างในร้านต้องดูดีและเพอร์เฟค แต่นั่นเป็นสิ่งที่ต้องนำเงินทุนไปจมโดยใช่เหตุสำหรับมือใหม่ที่ต้องการมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เพราะถ้าหากร้านของคุณนั้นไม่ได้อยู่ในทำเลที่ดีพอ คุณก็อาจจะมีสิทธิ์ที่จะเจ๊งเอาแบบง่าย ๆ หรือแม้แต่เครื่องชงกาแฟและอุปกรณ์สวยๆ นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อมือ 1 เสมอไป ของ มือสองราคาดี สวยมีคุณภาพก็ดีไม่แพ้มือหนึ่ง แถมยังเป็นการช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ทางที่ดีสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นธุรกิจในช่วงแรก ๆ นั้น เราขอแนะนำเป็นเครื่องชงกาแฟมือสองจะดีกว่า รอให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นก่อน คุณค่อยไปมองหาเครื่องชงกาแฟที่เป็นมือหนึ่งที่ดีกว่าเดิมในขั้นตอนต่อไป
- เคล็ดลับที่ 4 ข้อนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเช่นกัน ในการพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟไปให้ไกล นั้นก็คือ คุณห้ามหยุดพัฒนากาแฟ ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์ ในสาขาหนึ่ง ที่ช่วยให้คุณนั้นสามารถค้นหาความรู้ต่าง ๆ ได้อีกมากมาย เพื่อเป็นการพัฒนานวัตกรรมวิธี และ วัตถุดิบที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมไปถึงสูตรของกาแฟแบบไม่รู้จบ “เพราะกาแฟนั้นมีลูกเล่นอีกมามายที่ให้คุณได้ค้นหา และพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องเพราะว่าคุณนั้นไม่ได้เป็นแค่คนขายกาแฟอย่างเดียว แต่ความรู้ต่าง ๆ นั้นจะช่วยให้คุณมีอิทธิพลต่อกลุ่มคนรักกาแฟ และ กลุ่มคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ
- เคล็ลดลับที่ 6 การเลือกเมล็ดกาแฟสีเขียว ซึ่งหมายถึงเมล็ดกาแฟที่ไม่มีการผ่านการคั่วอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวเนื่องจากท้องตลาดมีถั่วให้เลือกมากมาย แต่ถั่วที่จะได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดสำหรับการคั่วเลยได้แก่ Tanzanian Peaberry , Ethiopian Yirgacheffe , Sumatra Mandheling , Brazilian Santos, Colombian Supremo และ Guatemalan Antigua ซึ่งแน่นอนว่าเมล็ดกาแฟเหล่านี้ไม่ได้มีการถูกสร้างขึ้นมาแบบเท่ากันทั้งหมด หากต้องการสร้างความเพลิดเพลินกับกาแฟที่ดีและเป็นผลดีต่อสุขภาพดีกว่ามีรสชาติที่ดีกว่านั้นเอง
- เคล็ดลับที่ 7 เคล็ดลับท้ายสุดเลยเป็นเคล็ดลับที่ทุกคนจะต้องมี นั้นก็คือ การให้กำลังใจตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่มักจะชอบคิดว่า การทำธุรกิจร้านกาแฟนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีความซับซ้อน ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด เพราะทุกคนจะต้องเจอกับปัญหาต่าง ๆ 108 ประการ สารพัดมากมาย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการทำธุรกิจร้านกาแฟขึ้นมา คุณจะต้องมีความอดทนอย่างสูง ห้ามท้อ ถ้าคิดว่ามาถูกทางแล้ว ให้คุณก้าวไปข้างหน้าและลุกขึ้นสู้ต่อ ห้ามสิ้นหวัง พยามให้กำลังใจตัวเองบ่อย ๆ และสักวันคุณจะประสบความสำเร็จ อย่างแน่นอน
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า การทำธุรกิจร้านกาแฟนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่แค่การชงกาแฟแล้วเสิร์ฟอย่างเดียว เพราะ ธุรกิจร้านกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะมักมีปัญหาจุกจิกมากมาย EP ต่อไปเรามาดูกันต่อนะคะว่า จะมีปัญหาอะไรบ้างที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับสำหรับการเปิดร้านกาแฟเป็นครั้งแรก ที่ทุกคนต้องเจอ อย่าลืมติดตามกันต่อใน EP ถัดไปนะคะ