เนื่องจากมีลูกค้าที่มีความสนใจอยากจะนำเมล็ดกาแฟแบบดิบ / กาแฟสาร มาคั่วลงในกระทะแล้วทำการชงดื่มด้วยตนเองที่บ้าน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมความสนุกให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี และคุณยังสามารถเลือกซื้อเมล็ดกาแฟดี ๆ มาคั่วเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านเพื่อช่วยให้คุณได้ประหยัดเรื่องเงินได้มากที่สุด และได้เมล็ดกาแฟคั่วใหม่ที่สดหอม รวมถึงมันจะทำให้ที่บ้านของคุณมีกลิ่นหอบอวลไปด้วยกาแฟ
ในปัจจุบัน 2021 นี้ จะมีการปลิตอุปกรณ์ ต่าง ๆ และ เครื่องคั่วกาแฟที่ทันสมัย พร้อมทั้งมีระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คอยควบคุมสเปคในเรื่องของการคั่ว พร้อมยังมีคนอีกจำนวนมากที่หันมาคั่วกาแฟในกระทะที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนที่เราได้รู้จักกับกาแฟ ชาวพื้นเมืองในประเทศที่เป็นเจ้าตลาดแห่งกาแฟโลก อาทิเช่น บราซิล เคนย่า หรือ เอธิโอเปีย ที่ให้ความนิยมใช้วิธีการแบบดั้งเดิมโดยการคั่วกาแฟในกระทะ เพราะฉะนั้น วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการคั่วกาแฟในกระทะแบบ ไม่ยาก และ ก็ไม่ง่ายจนเกินไป และคุณจะได้เมล็ดกาแฟคั่วใหม่ฝีมือคุณอย่างแท้จริง ก่อนอื่น นะคะ เราขอบอกก่อนค่ะว่า การคั่วกาแฟ นั้นถือว่าเป็นเรื่องศิลปะอย่างหนึ่ง แทบจะไม่ต่างอะไรจากการทำอาหาร ผู้ที่คั่วกาแฟนั้นจะต้องดูลักษณะ ระดับไฟ และ อุณหภูมิที่เหมาะสมก่อน เวลาในการคั่ว สีของเมล็ดกาแฟในระหว่างคั่ว การทำให้กาแฟเย็นลง ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวไปนั้นก็ล้วนแล้วมีผลต่อรสชาติกาแฟทั้งสิ้น
สำหรับการคั่วในกระทะ จะใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมอย่างมาก วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ทราบเลยนั้นก็คือ 8 – 10 นาที และอุปกรณ์ที่ใช้ ก็จะมี กระทะ , กระชอน , ฝา และ เมล็ดกาแฟเขียว นอกจากนี้คุณควรเปิดพัดลม หรือ เครื่องดูดอากาศที่เหนือกว่าเตาก่อนที่คุณจะทำการคั่วเมล็ด เพื่อจะช่วยให้ไม่เกิดควันดำที่มากจนเกินไป **เว้นแต่คุณจะคั่วเสียจนใหม่**
- ขั้นตอนที่ 1 เปิดเตาวางกระทะบนเตาอุ่น ๆ เปิดไฟไปที่ระดับกลาง ๆ ไม่อ่อน หรือ แรง จนเกินไป เพราะเนื่องจากเตาแก๊สของแต่ละบ้านนั้นจะไม่เหมือนกัน คุณอาจจะต้องมีการใช้ความพยามเพิ่มขึ้นซัก 2 – 3 ครั้งในการปรับระดับไฟด้วยนะคะ เพื่อความเหมาะสมของเมล็ดกาแฟ เหตุผล เพราะ เราจะต้องทำให้กระทะร้อนจัดก่อนค่ะและค่อยใส่เมล็ดกาแฟลงไป เพราะว่าเราต้องการเมล็ดที่คั่วเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว และ ยังมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยการถูกความร้อนก็เป็นระยะเวลาที่น้อยที่สุด เพราะทุกอย่างมีผลต่อรสชาติด้วย
- ขั้นตอนที่ 2 ใส่เมล็ดกาแฟเขียวลงไปในกระทะ ในปริมาณที่ให้มากพอ โดยจะลึกประมาณสองชั้นบนกระทะ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เพราะการใส่เมล็ดกาแฟที่น้อยจนเกินไป หรือ มีเมล็ดเพียงแค่ชั้นเดียว บนกระทะทำให้การคั่วไม่สม่ำเสมอ และ ยังเผาเมล็ดของคุณให้ไหม้และด้านเดียวได้ง่าย ๆ การใส่เพื่อให้เกิดเลเยอร์ 2 ชั้น จะช่วยให้เมล็ดใช้เวลามากกว่า ในการสัมผัสแบบโดยตรงกับด้านล่างของกระทะ และนี่คือส่วนที่สนุกมาก ๆ เมื่อคุณใส่เมล็ดกาแฟลงไปแล้ว คุณจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้เมล็ดกาแฟคั่วของคุณนั้นออกมาอย่างสม่ำเสมอมากที่สุด คุณต้องกวนเมล็ดทุก 20 – 30 วินาที เพื่อให้ได้เมล็ดที่มีการสัมผัสก้นกระทะนานเกินไป และ ไหม้ และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดนั้นก็คือ การใช้ฝาเปิด จะช่วยให้คุณได้นั้นก็คือ ฝาจะดักความร้อนและจะช่วยให้เมล็ดกาแฟ มีความสม่ำเสมอกันมากขึ้น และนอกจากนี้ยังช่วยให้คุณเขย่ากระทะไปมาได้มากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ทำให้เมล็ดกาแฟลอยและกระจายไปทั่วห้องครัวของคุณค่ะ การใช้ฝากที่มีการเจาะรูเล็ด ๆ ก็อาจจะช่วยให้ความชื้นของเมล็ดกาแฟระเหยไอออกทางรู แต่ถ้าหากฝาเปิดของคุณไม่รู้ คุณก็จะต้องคอยเปิดฝาออกมาทุก ๆ 1 – 2 นาที เพื่อให้ไอน้ำระเหยออกมา และ อให้กาแฟของคุณเป็นกาแฟคั่ว ที่ไม่ใช่กาแฟต้มค่ะ
- ขั้นตอนที่ 3 ทำการคั่วไปเรื่อย ๆ จนได้สีที่ต้องการ โดยการคั่วจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 – 6 นาที โดยคุณสามารถสังเกตุได้ง่าย ๆ และเก็นเปลือกนอกที่เรียกว่าแกลบกำลังจะหลุดจากเมล็ดกาแฟ ดูเหมือนเศษกระดาษเล็ก ๆ บาง ๆ จะเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งเมล็ดกาแฟนั้นเริ่มมีการเปลี่ยนสี จนคุณได้ยินเสียง first crack แป๊ะๆๆๆ แบบนั่นก็คือ เมล็ดกาแฟเริ่มสุก แล้วค่ะ และในตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะว่าต้องการกาแฟที่คั่วแบบเข้มขนาดไหน กาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้ม หรือ น้ำตาลธรรมดา ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ที่แน่ ๆ เลยนะคะในกระทะของคุณก็จะเต็มไปด้วยกากและเมล็ดปะปนอยู่กันเต็มไปหมด
- ขั้นตอนที่3 หากคั่วเสร็จแล้ว เมล็ดกาแฟจะสร้างเสียงแตกรอบที่สอง รอบแรกก็คือ First Crack และ รอบที่สองก็คือ Second Crack ซึ่งคุณจะได้ยินในขณะที่คั่วเสียงนั้นก็จะเหมือนกับการคั่วข้าวโพดนั้นเองค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะพองตัวเหมือนข้าวโพดคั่วก็ตามแต่ การคั่วที่เราจะแนะนำนั่นก็พคือ คุณจะต้องนำเมล็ดกาแฟออกจากกระทะ ในช่วง Second Crack กับ First Crack (หากคุณเอาเมล็ดกาแฟขึ้นก่อนเสียง First Crack มันก็จะดังขึ้น คุณก็จะได้รับกาแฟที่ไม่สุก เมล็ดเขียวนั้นก็จะแข็งอยู่ด้านใน และ เราขอบอกก่อนนะคะว่าเป็นรสชาติที่แย่มาก ๆ และถ้าหากคุณเอาเมล็ดกาแฟขึ้นหลังเสียง Second Crack จบลง คุณก็จะได้เมล็ดกาแฟไหม้ แบบขมจัด ๆ จนควันฟุ้ง
- ขั้นตอนที่ 4 ทำให้เมล็ดกาแฟเย็นลง เมื่อคั่วเสร็จแล้วสิ่งสำคัญเลยก็คือ จะต้องทำให้เมล็ดกาแฟเย็นลงแบบเร็วที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้รสชาติของกาแฟนั้นออกมาดี โดยจะเริ่มต้นจากการเทเมล็ดกาแฟลงในกระชอน ที่มีการเจาะรู้เพื่อช่วยให้อากาศเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น และช่วยให้เมล็ดเย็นลงได้อีกด้วย โลหะจะดึงความร้อนจากเมล็ดออกไปจำนวนมาก ซึ่งขั้นตอนนี้เราขอแนะนำนะคะว่าให้ทำนอกบ้าน เพื่อให้ควันทำการระบายออกไป และถ้ามีพัดลมเป่านั้นก็จะยิ่งทำให้เมล็ดกาแฟเย็นเร็วขึ้นอีกด้วย
- ขั้นตอนที่ 5 ขั้นตอนสุดท้าย คือ การแยกแกลบ/กาก ออกจากเมล็ดกาแฟที่คลายตัวออกมาในระหว่างการคั่ว และเราขอแนะนำนะคะว่าให้คุณทำนอกบ้านเช่นเดียวกับขั้นตอนที่ 4 เพื่อไม่ให้มันมีกากคละคลุ้งทั่วบ้าน โดยการทำการหมุนกระชอน หรือ ชามที่คุณใส่ และใช้พัดลมเป่าไปที่เมล็ดกาแฟ และ กากที่เบานั้นก็จะปลิวลงออกไปจะเหลือเพียงแค่เมล็ดกาแฟที่สวยงามของคุณ
หลังจากคั่วเสร็จแล้วคุณควรปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อยหนึ่งวัน เพื่อให้เมล็ดกาแฟนั้นมีการพัฒนารสชาติและความหอม หากคุณต้องการดื่มหรือชงในทันทีก็สามารถชงได้ แต่อาจจะไม่ให้ความหอมสักเท่าไหร่นะคะ และคุณก็ต้องเก็บเมล็ดกาแฟของคุณไว้ในภาชนะที่มิดชิด หากเก็บไว้ในภาชนะที่ไม่มิดชิด อากาศและความชื้นนั้นก็จะทำลายเมล็ดกาแฟคั่วของคุณ ความแห้งและการไม่สัมผัสกับอากาศภายนอกอาจจะช่วยให้คุณเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ และ รสชาติของมันไว้ได้นะ