ไขข้อสงสัย วิธีการเลือกซื้อ “เมล็ดกาแฟสด” ที่ดีที่สุด 2021

ไขข้อสงสัย วิธีการเลือกซื้อ “เมล็ดกาแฟสด” ที่ดีที่สุด 2021

การเลือกซื้อ “เมล็ดกาแฟสดคั่ว” นั้นจะต้องเป็นแบบใดถึงจะดีที่สุด ซึ่งการเลือกซื้อจึงเป็นสิ่งที่เหล่านักดื่มกาแฟ คือ คอกาแฟนั้นไม่ควรมองข้ามเพราะเมล็ดกาแฟคั่วบดที่ดี จะช่วยเพิ่มความนุ่มละมุนและให้กับกาแฟถ้วยโปรดของคุณ เป็นเรื่องพิเศษได้มากกว่าเดิม หากใครที่ต้องการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสด หรือ เมล็ดกาแฟคั่แบบคุ้มค่า ให้คุณลองหันมาทำความเข้าใจในข้อมูลหลาย ๆ แห่ง ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับรสชาติที่ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบได้ตามที่คุณต้องการ มันมีอะไรมากกว่าที่มีค่ากว่าการชงกาแฟแบบการแค่ฉีกซองและเทลงไปในน้ำร้อนแล้วดื่มใช่ไหมคะ 

หลักการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดนั้นควรซื้ออย่างไร

หลักการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟสดนั้นควรซื้ออย่างไร ?

  • การเลือกเมล็ดกาแบบคัดเกรด A เท่านั้น หากคุณใช้เมล็ดกาแฟแบบเกรดต่ำ ถ้าหากเอามาคั่วในระดับที่อ่อน หรือ ปานกลางก็จะได้รับรสชาติที่อร่อยมากที่สุด เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องคั่วแบบเข้มข้นเพื่อให้กลิ่นและความไหม้เข้ามากลบกัน ซึ่งตัวเมล็ดกาแฟจากกลุ่มนี้จึงได้มีการรับซื้อในราคาที่ถูก และเอามาคั่วแบบเข้ม หากคุณไปเดินซื้อตามร้านให้คุณทำการสังเกตุดูที่เครื่องบดกาแฟ ว่าทางร้านเขาเอาเกรดไหนบดให้เรา เมล็ดกาแฟเกรดเอ จะใช้เมล็ดที่ใหญ่แบบสม่ำเสมอ หากไม่มีเมล็ด คือ มันจะมีความสมบูรณ์ของเมล็ดมาก ๆ 
  • ก่อนซื้ออคุณควรดูให้ดีก่อนค่ะว่า วัน – เดือน – ปีที่ผลิต และ วันหมดอายุ ปกติเมล็ดกาแฟสดเมื่อเก็บในถุงฟอยล์จะเป็นตัวช่วยในเรื่องการป้องกันเพื่อไม่ให้เมล็ดกาแฟนั้นโดนแสงแดดหรือมีความชื้นนั้นเองค่ะ ที่วางขายจะมีอายุในช่วง สูงสุด 6-12 เดือน เพราะถ้าหากคุณภาพมันลงลดตามกาลเวลา โดยเมล็ดกาแฟนั้นจะหอมมากที่สุดเมื่อคุณทำการคั่วได้ 5 วัน และจะค่อยๆ ลดระดับลงเรื่อย ๆ ซึ่งควรเลือกเวลาซื้อ แต่อย่าลืมดูนะค่ะว่า ให้ดูถุงใหม่ และคุณจะได้กาแฟที่หอมมากกว่านั้นเอง 
  • ควรเลือกถุงที่มีขนาดเล็ก เพราะโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 200 – 250 กรัม และควรใช้ให้หมดภายใน 1 สัปดาห์เมื่อคุณทำการเปิดถุงแล้ว 
  • หากข้างซองระบุว่า 
  • Espresso นั่นก็คือ เมล็ดกาแฟที่สดใหม่ ที่ผ่านการคั่วในระดับที่เข้ม หรือ Dark Roast 
  • หากระบุว่า Medium Roast นั่นก็คือ เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับกลาง ซึ่งสามารถทำดื่มได้เรื่อบ ๆ ซึ่งจะเหมาะสำหรับการเสริฟในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่รู้ว่าผู้ดื่มนั้นชอบรสชาติแบบไหน 
  • คุณควรเลือกซื้อกาแฟในซองที่มีวอล์วระบายกาศ (One Way Vale) เพราะว่าเมล็ดกาแฟนั้นจะคายตัว อากาศและความชื้นออกมาตลอดเวลา หากไม่มีการระบายอากาศคุณภาพของเมล็ดก็จะเสียเร็วยิ่งขึ้น และมีผลให้กาแฟนั้นมีกลิ่นไม่พึ่งอันประสงค์ออกมา 
  • วิธีการเก็บรักษาควรเก็บในขวดสุญญากาศ ห้ามเก็บในตู้เย็น เพราะเนื่องจากเมื่อนำมันออกจากตู้เย็นแล้วเจออากาศร้อน เมล็ดของกาแฟจะขึ้น ทำให้ติดกับเครื่องบดและมีกลิ่นจากตู้เย็นติดออกมาด้วยนั้นเองค่ะ 
สายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟมีผลต่อรสชาติ และ กลิ่นอย่างไร

สายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟมีผลต่อรสชาติ และ กลิ่นอย่างไร ? 

  • กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า จะได้ความหอมละมุน มีปริมาณคาเฟอีนจำนวน 1 – 2 % ต่อ 10 หน่วยโดยประมาณ
  • กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า   จะได้รับความบอดี้ ที่หอมน้อยกว่ากาแฟสายพันธุ์ อาราบิก้า ซึ่งจะมีปริมาณคาเฟอีนจำนวน 4 – 6 % ต่อ 10 หน่วยโดยประมาณ 

หลาย ๆ ร้านจึงมีการนิยมเอา “กาแฟอาราบิก้า” จำนวนหนึ่งคั่วในระดับกลาง  (MEDIUM  ROAST) สีของช็อคโกแลต ส่วนในเรื่องของความเข้มข้นจะได้จากกาแฟโรบัสต้าที่คั่วเข้ม (DARK  ROAST) แต่ไม่ไหม้ แล้วนำมันมาผสมกัน ก็จะกลายเป็นกาแฟที่สด และมีความหอมเข้มโดยใจหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน และเหมาะกับการทำกาแฟเย็นเป็นอย่างมากด้วยค่ะ และถ้าหากคุณคิดว่าไม่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากจนเกินไป การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วที่ยังไม่ผ่านการรบดูสิค่ะ แล้วหันมาลงมือทำด้วยตัวเองผ่านเครื่องบดที่บ้าน โดยจะบดในปริมาณที่น้อยสำหรับในการดื่มให้หมดภายใน 1 – 2 วัน เพื่อคงความรสชาติของกาแฟนั้น ๆ เอาไว้เสมอ และอาจจะทำให้คุณนั้นสามารถเลือกซื้อ “เมล็ดกาแฟ” คั่วบดได้อย่างมีคุณภาพและตรงตามมาตราฐานที่คุณต้องการ พร้อมสำหรับในการชงแต่ละแก้ว หัวใจสำคัญสุดท้ายอยู่ที่การชงและการดื่มอย่างถูกวิธีด้วยค่ะ