ถ้าไม่รู้เรื่อง “เมล็ดกาแฟ” คุณอาจชงกาแฟได้ไม่อร่อย

ถ้าไม่รู้เรื่อง “เมล็ดกาแฟ” คุณอาจชงกาแฟได้ไม่อร่อย

รู้หรือไม่ว่า กว่าจะมาเป็นกาแฟแก้วโปรดในมือได้ ไม่ได้ใช้แค่เพียงฝีมือในการชงของบาริสต้า และ คุณสมบัติแบบขั้นเทพของเครื่องกาแฟเหล่านั้น เพราะหัวใจสำคัญของการชงกาแฟให้อร่อยนั้น ต้องทำให้มีเอกลักษณ์และมีความแตกต่างเกิดขึ้นระหว่างแบรนด์ นั่นก็คือเรื่องของการเลือกใช้เมล็ดกาแฟ และ การผสมเมล็ดกาแฟ การทำ Perfect Shot และสูตรผสมอื่น ๆ ที่นำมาใช้ในการปรุงแต่งของเมนูต่าง ๆ นั่นเอง

โดยเรื่องของชงกาแฟให้ออกมาอร่อยนั้นจะต้องมีรสชาติที่ดีนั้นมีหลายเรื่อง อาทิเช่น ต้องมีการเรียนรู้กันนานพอสมควรและจะต้องเก็บรายละเอียดซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ หากแต่ถ้าไม่ได้จะไปแข่งบาริสต้า แบบชิงแชมป์ของโลก หรือ ทำการเปิดร้านกาแฟในระดับ High End  ส่วนในเรื่องของความรู้ และ ความเข้าใจเรื่องเมล็ดกาแฟนั้นต้องรู้เอาไว้บ้างเพื่อเป็นพื้นฐาน ซึ่งก็จะช่วยให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของกาแฟ จนคุณสามารถพัฒนาและนำมาต่อยอดในการผสมเมล็ดกาแฟเพื่อไปเปิดร้านจำหน่าย และ สร้างแฟรนไชน์ได้ด้วยค่ะ 

ถ้าไม่รู้เรื่อง “เมล็ดกาแฟ” คุณอาจชงกาแฟได้ไม่อร่อย

โดยทั่วไปแล้วนั้นกาแฟมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่กาแฟที่ได้รับความนิยมและเพาะปลูก และมีการนำมาเลือกใช้นั้นเป็นสายพันธุ์การค้าในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ Robusta  กับ Arabica ที่เป็นกาแฟที่ให้รสชาตที่ดีและมีเอกลักษณ์อย่างโดดเด่น ซึ่งจะบอกคุณลักษณ์แต่ละสายพันธุ์ได้ ดังนี้

  • กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) มีการให้รสชาติแบบเข้มข้นและขมกว่าอาราบิก้า รวมไปถึงกลิ่นค่อนข้างออกไปทางฉุน แต่ไม่ค่อยมีรสชาติเปรี้ยว เพราะเป็นกาแฟที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง ปลูกง่ายมาก ๆ ให้ปริมาณผลผลิตมาก ซึ่งจะให้ความนิยมปลูกกันมากในทวีปแอฟฟริกา และ แถบเอเชีย สำหรับประเทศไทยก็มีการนิยมปลูกกันตามภาคใต้ อาทิเช่น  จังหวัด นครศรีธรรมราช   , สุราษฎร์ธานี และ จังหวัดชุมพร เป็นต้น 
  • ลักษณะการสังเกต : เมล็ดอวบอ้วน เมล็ดอวบอ้วนเมล็ดจะมีลักษณ์นูนแลเป็นหลังเต่า รอยผ่าไส้กลางเมล็ดจะเป็นเส้นที่ค่อนข้างตรง ส่วนกาแฟสายพันธุ์นี้กลิ่นไม่หอมหวานอบอวล และไม่มีความซับซ้อน ซึ่งรสชาติจะฝาดกว่าสายพันธุ์ อาราบิก้า มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า 1 – 2 เท่าตัว หรือ สูงประมาณ 2-4.5 เปอร์เซ็นต์ มีความเข้มข้นในรสชาติ มักจะนิยมนำมาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือ นำมาผสมกับกาแฟสายพันธุ์ อาราบิก้า เพื่อให้ได้รสชาติที่แตกต่างออกไป ส่วนกาแฟโรบัสต้า ในประเทศไทยนั้นจะสามารถผลิตผลได้ประมาณปีละ 70,000 ต้น / ปี 
  • กาแฟพันธุ์อาราบิก้า (Arabica) เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกและมีผู้บริโภคมากที่สุดในโลกและมีการผลิตจัดจำหน่ายเชิงการค้ามากกว่า 80% ของตลาดกาแฟ ซึ่งให้ผลผลิตและให้คุณภาพสารกาแฟชั้นดี พร้อมทั้งมีกลิ่น – รสชาติที่ดีที่สุด ให้กลิ่นหอมกว่าโรบัสต้า จึงทำให้เป็นที่นิยมและขายได้มากที่สุดนั้นเองค่ะ แต่ในอาราบิก้าจะมี  Acidity  หรือที่เรียกว่าความเป็นกรดมาก จึงทำให้เกิดรสชาตเปรี้ยวแบบชัดเจนมากกว่า โรบัสต้า ที่แทบจะไม่มีรสชาติเปรี้ยวเลย 
  • ลักษณะข้อสังเกต : เมล็ดมีรูปทรงค่อนข้างเรียวผอม รอยผ่าไส้กลางจะมีลักษณะคล้าย ๆ ตัว S เมื่อผ่านกระบวนการผลิตเรียบร้อยแล้ว กาแฟพันธุ์นี้จะมีกลิ่นหอมหวานอบอวล แบบซับซ้อน คล้าย ๆ กลิ่นช็อคโกแลตแลดอกไม้ ซึ่งจะให้รสชาตนุ่ม ละมุน และมีปริมาณของคาเฟอีนเฉลี่ยประมาณ 1.1-1.7 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของสายพันธุ์ โรบัสต้า ในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ดูแลยาก ชอบความเย็น เจริญเติบโตให้ผลผลิตดีในพื้นที่ที่มีระดับสูงตั้งแต่ 800-2,000  เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และ มีศัตรูเยอะ สำหรับในประเทศไทยมักนิยมปลูกในเขตทางพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย ตาก เป็นต้น และ สายพันธุ์ที่นิยมปลูกมาก นั้นก็คือ สายพันธุ์คาร์ติมอร์ และส่วน อาราบิก้า  นั้นในประเทศไทยสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 10,000 / ปี

ที่กล่าวไปทั้งหมดนั้น จะเป็นคุณลักษณ์ และข้อมูลต่าง ๆ ของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ที่ทุกคนต้องรู้ก่อนทำการเปิดร้านขายกาแฟ เพื่อให้ทราบรสชาติ รูปแบบลักษณะของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์  หากรู้แล้วคุณก็สามารถชงกาแฟให้อร่อยได้ด้วยตัวเองค่ะ