- ต้องดูก่อนค่ะว่าคุณจะต้องการขายให้ใคร ลูกค้ารอบ ๆ บริเวณตรงนั้นที่คุณจะทำการตั้งร้านขายกาแฟนั้นเป็นกลุ่มแบบไหน เป็นลูกค้าทั่วไป หรือ เป็นลูกค้ากลุ่มออฟฟิศ ถ้าพื้นที่ตั้งร้านมีกลุ่มลูกค้าทั่วไปส่วนใหญ่ลูกค้าเหล่านี้มักจะไม่ชอบการดื่มกาแฟที่มีรสชาติเปรี้ยว ก็อาจจะเน้นในการใช้เมล็ดกาแฟคั่วแบบกลาง หรือ แบบเข้ม เพราะแทบจะไม่มีรสชาติความเปรี้ยว แต่ถ้าหากกลุ่มลูกค้านั้นเป็นคอกาแฟที่มีรสนิยมดื่มรสกาแฟแท้ ที่เน้นไปทางเมล็ดกาแฟคั่วสด อ่อน ไปจนถึงการคั่วกลาง เพราะว่าจะยังรสชาติเปรี้ยวแบบธรรมชาติของกาแฟ เมื่อทำความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า ที่อยู่รอบ ๆ ร้านของคุณแล้ว คุณต้องเลือกชนิดกาแฟที่เป็นตัวหลักของร้านด้วยนะคะ หรือถ้าหากคุณต้องการขายความเป็นตัวตนของคุณเอง วิธีการชงตัวหลักในการขายของคุณนั้นเป็นประเภทใด ให้คุณหาชนิดกาแฟที่เหมาะสมกับวิธีนั้น ๆ อาทิเช่น ถ้าร้านคุณขายกาแฟแบบชงด้วย moka pot นิยมใชเมล็ดกาแฟคั่ว อ่อน หรือ เมล็ดกาแฟคั่วแบบกลาง และเป็นเมล็ดกาแฟที่บดละเอียดขนาดเท่าเม็ดเกลือ ห้ามบดละเอียดมากจนเกินไปนะคะ เพราะว่าจะทำให้กาแฟขมได้ค่ะ
- รสชาติที่ถูกปากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของร้าน ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรสเข้มแบบไม่ติดรสเปรี้ยว กับ กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรสเปรี้ยวแต่ไม่ขม เมื่อคุณทำการสังเหตไปสักระยะหนึ่งแล้วเพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ ของร้านเน้นจะเป็นลูกค้าที่ชื่นชอบรสชาติแบบไหนก็เน้นให้เลือกเมล็ดกาแฟที่ถูกปากลูกค้า เพราะโดยส่วนใหญ่เป็นตัวชูโรง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหลือเมล็ดกาแฟที่ลูกค้าไม่เลือก
- ซื้อกาแฟคั่วสดที่ไหนดี เพราะเชื่อว่าร้านที่เพิ่งเปิดใหม่หรือเป็นผู้ที่เพิ่งหัดซื้อ เมล็ดกาแฟสดมาชงดื่มเองที่บ้าน อาจยังไม่รู้จักโรงคั่วกาแฟที่มีการขายส่งเมล็ดกาแฟ ขายเมล็ดกาแฟสด และ กาแฟสดคั่วสด จึงอาศัยการซื้อกาแฟสดจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีการวางจำหน่ายตามร้าน หรือ ตามห้างสรรพสินค้า ทำให้คุณนั้นง่ายสะดวก ซึ่งจะมีข้อเสียอยู่ตรงที่ว่ามี วันหมดอายุที่ตายตัว หลังจากวันคั่วและกว่าเราได้ไปซื้อมาใช้งาน อาจจะทำให้เหลือวันที่ไม่พอจนต้องทิ้งเพราะกาแฟเสื่อมคุณภาพ แต่ถ้าเลือกซื้อที่โรงคั่วโดยตรง คุณก็จะสามารถกำหนดโปรไฟล์กาแฟ และ มีการกำหนดระยะเวลา รวมไปถึงปริมาณกาแฟที่ต้องการต่อการใช้ในร้านได้ อาทิเช่น ร้านใช้กาแฟคั่วแบบไหน และใช้ปริมาณกี่กิโลกรัมในแต่ละรอบคุณก็สามารโทรแจ้งทางโรงคั่วได้ทันที แต่ต้องทำการแจ้งไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ
- อายุของเมล็ดกาแฟหลังจากผ่านการคั่วบด เมื่อทำการคั่วบดเสร็จใหม่ ๆ นั้น จะยังไม่สามารถนำมาใช้ชงได้ทันที เพราะจะต้องรอให้เมล็ดคั่วกาแฟสดได้ทำการคายแก๊สคาร์บอนไออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากการกระบวนการคั่วเว้นไว้สัก 5 – 7 วันก่อนนะคะ จึงจะนำมาชงดื่ม หรือ วางขายได้ปกติ อาทิเช่น ถ้าคั่วกาแฟเมื่อวันที่ 1 เมล็ดกาแฟก็จะทำการคายแก๊สฯเสร็จประมาณวันที่ 7 คุณก็สามารถนำมาชงดื่มได้วันที่ดังกล่าวเลยค่ะ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่รสชาติของกาแฟนั้นดีที่สุด หลังจากนั้นเมล็ดกาแฟจะค่อย ๆ เสื่อมคุณภาพไปตามสภาพแวดล้อมในแต่ละวันและการเก็บรักษา จึงควรจะใช้เมล็ดกาแฟสดให้หมดภายใน 1 เดือนนับจากวันคั่ว เพื่อเป็นการรักษาความเสถียรรสชาติที่ดีกาแฟ
- ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของการสกัดกาแฟ นั้นก็คือ ทำการศึกษาและให้คุณเข้าใจระดับด้านการบด ระยะเวลา ปริมาณน้ำ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วเป็นการสัมพันธ์กับกาแฟที่ใช้ชง และมีการพัฒนา หรือ สามารถต่อยอดเทคนิคแบบเฉพาะตัวเพื่อให้คุณได้เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านได้ค่ะ
สุดท้ายนี้ เวลาที่คุณเลือก “เมล็ดกาแฟสดคั่ว” สักถุง หรือ กาแฟสดบดแล้ว ถ้าหากคุณทำการสังเกตให้ดีบนบรรจุภัณฑ์นั้นจะมีฉลากและบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของกาแฟบนบรรจุภัณฑ์ จะบ่งบอกถุงแหล่งที่มา และชนิดของเมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว และ กระบวนการผลิต และระดับการคั่วนั้นมีผลอย่างมากต่อรสชาติ และ กลิ่นของกาแฟ แล้วคุณรู้หรือไม่ค่ะว่า นอกจากการคั่วแล้ว กระบวนการผลิตนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่เรียกว่า process ก็จะมีผลต่อรสชาติกาแฟสด เช่นกันค่ะ